ทฤษฎี ABC
ทฤษฎี ABC
สวัสดีครับ
พอดีได้อ่านบทความที่ดี มีประโยชน์ จึงขออนุญาตมาเผนแพร่ต่อเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เขียน : SHE Zone
อัพเดท: 04 เม.ย. 2011 16.33 น. บทความนี้มีผู้ชม: 26155 ครั้ง
พฤติกรรมสามารถมองเห็นได้ สังเกตได้ และวัดผลได้
ความปลอดภัย เป็นผลมาจากพฤติกรรมที่ปลอดภัย
เรียนรู้พฤติกรรมหรือการแสดงออกของคนผ่านทฤษฎี ABC
ปัจจุบันในแวดวงความปลอดภัยหันมาให้ความสนใจในเรื่องพฤติกรรมของคนมากขึ้น เพราะมีความเชื่อว่าพฤติกรรมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ประกอบกับจากข้อมูลพบว่า การแสดงพฤติกรรมเสี่ยงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากกว่าสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย และการที่คนเรามักชอบแสดงพฤติกรรมเสี่ยง ๆ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คิอ
- ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น
- มีความตระหนักในเรื่องของความเสี่ยงน้อย
- พฤติกรรมเสี่ยงที่ปฎิบัติได้รับการส่งเสริม
- ไม่ได้ใส่ใจกับพฤติกรรมเสี่ยง
คนเราอาจแสดงพฤติกรรมที่เสี่ยงซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ในที่สุดแล้วอุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นจากการแสดงพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัย
ทฤษฎี ABC เป็นทฤษฎีที่ใช้ในการศึกษาพฤติกรรมของคนเพื่อพิจารณาว่าทำไมคนหรือ บุคคลนั้นจึงแสดงออกเช่นนั้น และเป็นทฤษฎีที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง หรือพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของพนักงาน ให้เป็นพฤติกรรมที่พึงประสงค์ หรือพฤติกรรมที่ปลอดภัย เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Behavior Based Safety (BBS)
ก่อนที่จะไปสู่รายละเอียดของทฤษฎี อยากขอทำความเข้าใจเพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่างทัศนคติ กับ พฤติกรรม กันก่อน
ทัศนคติ คือความคิด หรือความเชื่อของบุคคลหรือคน ๆ นั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ภายในเราไม่สามารถมองเห็น สังเกตได้ หรือวัดได้ อย่างไรก็ตามมีความเชื่อว่าทัศนคติสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยการเปลี่ยนพฤติกรรม
พฤติกรรม คือสิ่งที่บุคคลหรือคน ๆ นั้น แสดงออกมา ดังนั้นจึงสามารถมองเห็น สังเกตได้ หรือวัดได้ เช่น ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับรถ ไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับรถจักรยานยนต์ ขับรถด้วยความเร็ว ไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลขณะปฎิบัติงาน เป็นต้น
ทฤษฎี ABC ประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ
A = Antecedents (สิ่งกระตุ้น หรือ เหตุการณ์ที่เกิดก่อนที่จะแสดงพฤติกรรม)
B = Behaviors (พฤติกรรมหรือการแสดงออก)
C = Consequences (ผลลัพธ์ หรือผลที่ตามมาหลังจากแสดงพฤติกรรมแล้ว)
สิ่งเร้า/สิ่งกระตุ้น (Antecedents) หมายถึงสิ่งที่ส่งผล หรือทำให้พนักงานแสดงออกโดยทันที่
สิ่งเร้า หรือ สิ่งกระตุ้นทำให้เกิดพฤติกรรม ซึ่งอาจจะเป็นบุคคล สิ่งของ สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการแสดงพฤติกรรมออกมา
สิ่งเร้าเป็นตัวสื่อสารข้อมูล
ผลที่ตามมาที่เกิดเกิดในอดัตอาจเป็นสิ่งเร้าในการแสดงพฤติกรรมในอนาคตได้ เช่น พนักงานจำได้ว่าเคยได้รับบาดเจ็บจากการไม่ใช้อุปกรณ์ ในการล๊อค
แหล่งพลังงาน
สิ่งเร้าจะอยู่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ หาก พนักงานไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดตามมา เช่น พนักงานถูกอบรมให้รับเก็บหรือทำความสะอาดสิ่งที่หก หรือกีด ขวางทันที หากมมีใครคอยสังเกตหรือตรวจสอบว่าพนักงานผู้นั้นปฎิบัติตามข้อแนะนำหรือไม่ พนักงานก็จะหยุดการเก็บหรือทำความสะอาดสิ่งที่หก หรือกีดขวางเพราะ การไม่ปฎิบัติตามของพนักงานไม่ส่งผลใด ๆ ตามมา
ในการส่งเสริมความปลอดภัย เราจะพยายามใช้สิ่งเร้าในการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่เราปรารถนาหรือพึงประสงค์ เช่น การใช้ป้ายสัญญลักษณ์ การฝึกอบรม กฎระเบียบและการประชุม เป็นต้น
พฤติกรรม(Behavior) คือการแสดงออก หรือคือสิ่งที่บุคคลนั้นแสดงออกมา เราสามาถมองเห็นได้ จะไม่รวมถึงทัศนคติ หรือ ความคิด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็น ความปลอดภัย เป็นผลมาจากพฤติกรรมที่ปลอดภัย
ผลที่ตามมา (Consequences) คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากพฤติกรรม เช่น การได้รางวัล หรือการถูกลงโทษ ผลที่ตามมาที่เคยเกิดในอดีตอาจเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมในอนาคตได้ คนส่วนใหญ่มักไม่ปรารถนาผลที่ตามมาจากการแสดงพฤติกรรมที่เป็นไปในทางลบ อย่างไรก็ตามผลที่ตามมาอาจเป็นไปในทางบวก และผลที่ตามมาในทางบวกเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพอย่างมากต่อการแสดงพฤติกรรมที่ปรารถนา
ตัวอย่างการใช้ทฤษฎี ABC ในการวิเคราะห์ว่าทำไมคนจึงขับรถเร็ว
ในการประยุกต์ใช้ทฤษฎีอย่างได้ผลนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ว่าเมื่อไหร่เหมาะจะใช้ สิ่งกระตุ้น (A) และเมื่อไหร่เหมาะจะใช้ ผลที่ตามมา (C)
สิ่งกระตุ้น (A) จะใช้ได้ผลดีในกรณีที่พนักงาน
- ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร
- ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
- ประสบปัญหาและอุปสรรคในการปฎิบัติงาน
ผลที่ตามจากการแสดงพฤติกรรม (C) จะใช้ได้ผลดีในกรณี
- รู้แล้วว่าต้องทำอะไร
- เลือกที่จะไม่ทำตามพฤติกรรมที่พึงประสงค์
- ต้องการรางวัลเพื่อการแสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์
เมื่อเราไม่ได้รับพฤติกรรมที่พึงประสงค์ เรามักจะพยายามที่จะเพิ่มระดับของสิ่งเร้า หรือเพิ่มสิ่งเร้าเพื่อให้ได้มาซึ่งพฤติกรรมที่เราพึงประสงค์ การฝึกอบรมเป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเรามักจะคิดว่าเป็นเพราะขาดการฝึกอบรมดังนั้นเราจึงทำการฝึกอบรม แต่นั้นเป็นวธีการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นอาจมีสาเหตุจากเรื่องแรงจูงใจ ดังนั้นการฝึกอบรมในกรณีนี้จึงอาจเป็นเสมือนการทำโทษพนักงาน
ในการใช้ ทฤษฎี ABC ในการวิเคราะห์อย่างได้ผลนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องประกอบไปด้วยข้อมูลดังนี้
- รายละเอียดของปัญหาด้านพฤติกรรมที่เราได้สังเกตและรวบรวมมา เช่น ไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตราย รวมถึงสิ่งที่พนักงานควรปฎิบัติ เช่น พนักงานควรสวมอุปกรณ์ป้องกันอันตราย เป็นต้น
- รายการของสิ่งกระตุ้นที่เป็นไปได้ทั้งหมด (สิ่งที่ทำให้บุคคลนั้นแสดง ออกหรือกระทำเช่นนั้น ) และผลที่ตามมาจากการแสดงออกเช่นั้น
- ระบุว่าผลที่ตามมานั้นเป็นไปในทางบวก หรือทางลบ ทันที่หรือในอนาคต มีความแน่นอน หรือความไม่แน่นอน
- พิจารณาว่าผลที่ตามมาอันไหนที่เป็นการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานปฎิบัติ (ซึ่งมักจะเป็นแรงจูงใจในทางบวก)
- ส่งเสริมหรือจูงใจให้พนักงานปฎิบัติหรือแสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์
- สังเกตและติดตามความคืบหน้า
พฤติกรรมสามารถมองเห็นได้ สังเกตได้ และวัดผลได้
ความปลอดภัย เป็นผลมาจากพฤติกรรมที่ปลอดภัย
หากท่านใดสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทฤษฎี ABC และ BBS สามารถติดต่อผู้เขียนผ่านทาง Email: shezone.tips@gmail.com ยินดีให้ข้อมูลเพิ่มเติมและตอบข้อสงสัยของทุกท่านค่ะ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
ABC Model เพื่อการวิเคราะห์พฤติกรรม ตามแนวทาง BBS
วิธีการต่างๆที่ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยให้แก่พนักงานให้สูงขึ้น โดยหนึ่งในวิธีการที่มีประสิทธิภาพตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ก็คือ กระบวนการทางด้านจิตวิทยา BBS กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อความปลอดภัยที่ปัจจุบันหลายบริษัทฯ ในไทย เริ่มให้ความสนใจนำไปใช้
BBS เป็นกระบวนการที่เน้นลดอุบัติการณ์ต่างๆให้เหลือน้อยที่สุด (Zero Incidents) โดยอาศัยกระบวนการด้านความปลอดภัยที่มีพื้นฐานมาจากความเข้าใจว่าปัจจัยใดบ้างที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ให้แสดงออกมา
กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อความปลอดภัย (Behavior-Based Safety: BBS) จะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับรายละเอียดของกระบวนการที่จะต้องสอดคล้องตามแนวนโยบายและขั้นตอนการดำเนินงานขององค์กรนั้นๆ
โดยกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อความปลอดภัย (Behavior-Based Safety: BBS) นี้ จะให้ความสำคัญในเรื่อง "ผลที่เกิดขึ้นตามมา (Consequence)" จากพฤติกรรมนั้นๆ เป็นสำคัญ
ซึ่ง "ผลที่เกิดขึ้นตามมา (Consequence)" อาจเป็นได้ทั้งเชิงลบ (การบาดเจ็บ เสียชีวิต การตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร หรือรุนแรงถึงขั้นไล่ออก) หรือเชิงบวก (การจ่ายเงินโบนัส การได้รับคำชมเชยจากหัวหน้างาน หรือการรายงานความดีความชอบ)
อย่างไรก็ดี "ผลที่เกิดขึ้นตามมา หรือ Consequence" เหล่านี้จะเกิดขึ้นจากการที่พฤติกรรมถูกสังเกตการณ์จากผู้อื่น ซึ่งแน่นอนว่า เราย่อมจะไม่สามารถที่จะทำการสังเกตการณ์บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้ตลอดเวลาและทุกสถานที่ได้
ขอบคุณ : http://mediabase.edbasa.com
กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อความปลอดภัย หรือ BBS นี้ มีพื้นฐานมาจากหลักทฤษฏีด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมนิยม ซึ่งเป็นกระบวนการที่ได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
ตามหลักพฤติกรรมนิยม กล่าวถึงการเกิดขึ้นของพฤติกรรมว่า พฤติกรรมของบุคคลหนึ่งๆ จะเกิดขึ้นโดยมีพื้นฐานมาจาก "เหตุชักนำ (Antecedent)" เช่น สัญลักษณ์หรือนโยบายด้านความปลอดภัย เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดพฤติกรรม (Behavior) ให้แสดงออกมา เมื่อแสดงพฤติกรรมออกมาแล้ว จากนั้นก็จะมี "ผลที่เกิดขึ้นตามมา (Consequence)" เช่น การได้รับบาดเจ็บ หรือการได้รับคำชมเชย) และก็จะนำกลับไปสู่การเกิดขึ้นของพฤติกรรมที่สังเกตเห็นได้ (เช่น การสวมใส่ หรือไม่สวมใส่ PPE) โดยเราเรียกกระบวนการหรือวงจรนี้ว่า แบบจำลอง A-B-C (ABC Model) ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อการวิเคราะห์พฤติกรรมด้านความปลอดภัยในองค์กร
ขอบคุณ : http://www.learningandteaching.info
ในขั้นตอนแรกของการวิเคราะห์ตามแบบจำลอง ABC นั้น เราจำเป็นต้องทราบว่ามี Antecedent (เหตุชักนำ), Behavior (พฤติกรรม) และ
Consequence (ผลที่เกิดขึ้นตามมา) อะไรบ้าง
ตามหลักการแล้ว เมื่อเปรียบเทียบอิทธิพลของ Antecedent และ Consequence ที่มีต่อ Behavior นั้น จะพบว่า Consequence จะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมมากกว่า Antecedent ถึง 4 เท่าตัว (80:20) และ Antecedent ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Consequence ด้วยนั้นก็จะยิ่งมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมที่แสดงออกมามากที่สุด