10 วิธีคิด พิชิตความสำเร็จ
10 วิธีคิด พิชิตความสำเร็จ

“เมื่อไหร่เราจะประสบความสำเร็จแบบเขานะ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งถามคำถามนี้กับตัวเองเมื่อได้อ่านเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเขาเองก็จำไม่ได้แล้วว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ ที่เขาถามตัวเองแบบนี้
อันที่จริงแล้ว การที่คนหนึ่งคนจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้นไม่ใช่แค่พูดว่าอยากจะประสบความสำเร็จ แล้วก็จะเป็นไปตามที่พูด หากแต่ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นความอดทน ความเชื่อมั่น ความทุ่มเท รวมไปถึงการอาศัยเวลาในการฝึกฝนตนเองอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าระหว่าทางคุณอาจต้องเจอกับอุปสรรคที่อาจบั่นทอนกำลังใจ และทำให้ไม่กล้าเดินหน้าต่อ แต่หากคุณมีกรอบคิดและทัศนคติที่ดีไว้ยึดถือและคอยเตือนตัวเอง ก็อาจจะทำให้คุณสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายไปสู่ความสำเร็จได้ ซึ่งวิธีคิดที่จะพาให้คุณไปสู่ความสำเร็จได้นั้นมีอะไรบ้าง JobThai เอามาบอกกันที่นี่แล้ว
|
เลือกเผชิญหน้าแทนที่จะกลัวปัญหา
จงอย่ากลัวว่าจะผิดพลาดหรือล้มเหลว คนที่อยากประสบความสำเร็จต้องกล้าที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา การหลีกเลี่ยงงานที่ยาก หรืองานที่คุณคิดไปเองว่าเกินความสามารถของตัวเอง จะทำให้คุณไม่ก้าวหน้าไปไหน เมื่อต้องเจออุปสรรค ให้คุณลงมือแก้ปัญหาทันที การกล้าลงมือแก้ปัญหาที่คุณไม่เคยเจอมาก่อนอาจสร้างปัญหาหรือทำให้คุณล้มเหลวในตอนแรก แต่เมื่อคุณผ่านมันไปได้ คุณจะนึกขอบคุณอุปสรรคเหล่านั้นที่ทำให้คุณได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิต และเป็นก้าวหนึ่งที่สำคัญสู่ความสำเร็จ
เชื่อมั่นในตัวเอง
ถ้าแม้แต่คุณยังไม่มั่นใจในตัวเองแล้วใครที่ไหนจะเชื่อมั่นในตัวคุณ เมื่อคุณเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในตัวของคุณ หรือในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ นั่นก็เท่ากับคุณประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ความมั่นใจในตนเองเป็นทัศนคติที่ดีที่จะคอยป้องกันไม่ให้เป้าหมายสู่ความสำเร็จของคุณถูกสั่นคลอนเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย ยิ่งคุณมีความมั่นใจในตัวเองมากเท่าไหร่ คุณก็จะไม่หวั่นไหวในช่วงเวลาที่เลวร้ายมากเท่านั้น
เลือกคบเพื่อนที่ดี
การมีบุคคลที่ดีรายล้อมรอบข้างจะช่วยส่งเสริมให้คุณก้าวสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีจะเอื้อให้คุณพัฒนาศักยภาพของคุณได้อย่างเต็มที่เพราะคุณจะสามารถเรียนรู้สิ่งดี ๆ ได้จากพวกเขา หรือแม้แต่ขอคำปรึกษา หรือความช่วยเหลือจากพวกเขาได้ในยามจำเป็น เมื่อเพื่อนร่วมงานในทีมมีคุณภาพคุณก็จะมีคุณภาพตามไปด้วย
เลือกเป้าหมายด้วยตัวเอง
คุณเท่านั้นที่รู้จักตัวเองดีที่สุด ให้คุณตั้งเป้าหมายสู่ความสำเร็จที่สอดคล้องกับศักยภาพของตัวคุณเองนอกเหนือไปจากเป้าหมายอื่น ๆ ที่ที่ทำงานหรือสังคมกำหนดบทบาทให้คุณ การเลือกเป้าหมายชีวิตส่วนตัวด้วยตัวคุณเองจะทำให้คุณจะรู้สึกมีพลัง และมีแรงบันดาลใจในการทำตามเป้าหมายนั้น ๆ
มีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและมีวิสัยทัศน์ล่วงหน้าไปถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต แต่แค่จินตนาการในหัวอาจไม่พอ คุณต้องหาอะไรที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้มากกว่านั้น เขียนรายชื่อสิ่งที่คุณอยากทำ และสิ่งที่คุณทำสำเร็จแล้ว ลงบนกระดาษ หรือถ้าคุณถนัดวาดภาพ คุณจะจัดเต็มไอเดียในการเชื่อมโยงเป้าหมายในปัจจุบันและอนาคตของคุณก็ได้ ทั้งนี้ บันทึกหรือแผนภาพดังกล่าวจะคอยย้ำเตือนคุณว่าคุณขยับไปใกล้ความสำเร็จมากแค่ไหนแล้ว
พร้อมรับความท้าทายใหม่ ๆ ในชีวิต
ในบางครั้งการทำในสิ่งที่ท้าทายอาจเป็นบันไดลัดไปสู่ความสำเร็จ การทำในเรื่องที่ยากจะทำให้คุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว การมีอุปสรรคมากั้นขวางระหว่างตัวคุณและเป้าหมาย จะทำให้คุณตระหนักได้ว่าคุณอยากไปให้ถึงความสำเร็จมากมายขนาดไหน หรือเมื่อคุณเจอทางตันและไปต่อไม่ได้ คุณจะเรียนรู้วิธีประเมินสถานการณ์ใหม่และเดินต่อไปได้ อาจจะด้วยการพลิกแพลงหนทางอื่นหรือแม้แต่การสร้างทางเดินขึ้นมาใหม่ด้วยตัวคุณเอง
ใส่ใจในทุกรายละเอียด
การพิจารณาสิ่งที่สำคัญอย่างรอบคอบจะป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดที่คุณจะต้องมาตามแก้ไขในภายหลัง นั่นทำให้คุณสามารถเคลื่อนหาเป้าหมายสู่ความสำเร็จได้โดยไม่สะดุด การใส่ใจในทุกรายละเอียดในทุกเรื่องที่ทำ จะทำให้คุณรู้ตื้นลึกหนาบางของสิ่งที่คุณทำ และใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากที่สุด
กล้าเสี่ยงในสถานการณ์ที่เหมาะสม
การก้าวสู่ความสำเร็จไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว ในบางครั้งคุณต้องชั่งน้ำหนักดูว่าควรตัดสินใจอย่างไรให้เหมาะสมในสถานการณ์ที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตามการเสี่ยงนั้นต้องอาศัยข้อมูลในการประเมินสถานการณ์ที่มากเพียงพอ ไม่ใช่เสี่ยงแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณชอบอะไรที่มั่นคง และไม่กล้าที่จะเสี่ยง ทุกสิ่งที่คุณทำจะถูกจำกัดอยู่แค่คำว่า “พอใช้” ไม่ใช่ คำว่า “ดีที่สุด”
ทำในสิ่งที่รัก
การทำในสิ่งที่ตนเองรัก จริง ๆ จะทำให้คุณมีแรงบันดาลใจในการก้าวสู่เป้าหมายมากกว่าสิ่งที่คุณถูกยัดเยียดหรือถูกบังคับให้ทำ เรื่องการทำงานก็เช่นกัน ถ้าคุณรู้สึกไม่ดีกับงานที่ทำอยู่ นี่เป็นสัญญาณเตือนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คุณรัก หรือถ้าคุณไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ คุณต้องหาแง่มุมที่คุณจะรักมันให้ได้ เพราะคุณต้องอยู่กับมันในทุก ๆ วัน
หาสิ่งที่คุณรักให้เจอและทุ่มเทกับมันให้เต็มที่ แล้วคุณจะเห็นผลตอบแทนจากการทุ่มเทกับการทำงานได้ในไม่ช้า
เห็นคุณค่าของสิ่งที่คุณมี
ตระหนักในคุณค่าของสิ่งที่คุณมีในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถของตัวคุณ เพื่อนร่วมงานที่ดี หรือครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้างคุณ
ทุกสิ่งที่คุณมีคือทรัพยากรอันล้ำค่าที่เป็นรากฐานสู่ความสำเร็จ ในขณะเดียวกันอย่าลืมแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ เมื่อมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับคุณ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กหรือใหญ่ ในวันหนึ่งที่คุณประสบความสำเร็จ เมื่อมองย้อนกลับมา คุณจะเห็นว่าที่คุณประสบความสำเร็จได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความช่วยเหลือของพวกเขานั่นเอง
JobThai มี Line แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่
ที่มา: