การขับขี่ปลอดภัย (Defensive Driving) สำหรับรถยนต์ รถตู้ รถบัสรับส่งพนักงาน

การขับขี่ปลอดภัย (Defensive Driving) สำหรับรถยนต์ รถตู้และรถบัสรับส่งพนักงาน

ประเภทหลักสูตร: ภาคทฤษฎี (In-Class Training)
ระยะเวลาอบรม: 6 ชั่วโมง
กลุ่มเป้าหมาย: พนักงานขับรถยนต์ รถตู้ และรถบัส

1. หลักการและเหตุผล (Rationale)

การขับขี่รถยนต์ รถตู้ และรถบัสมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งส่งผลต่อชีวิต ทรัพย์สิน และภาพลักษณ์ขององค์กร
อุบัติเหตุส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก “ปัจจัยมนุษย์” เช่น ความประมาท ขาดสติ ทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง หรือการขาดทักษะการขับขี่เชิงป้องกัน โดยเฉพาะการขับรถขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยความระมัดระวังและการคาดการณ์ที่แม่นยำ

ดังนั้น หลักสูตรภาคทฤษฎี 6 ชั่วโมงนี้ จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติที่ถูกต้องด้านความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Defensive Driving) เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ

2. วัตถุประสงค์ (Objectives)

เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถ:

  1. เข้าใจแนวคิดและหลักการของการขับขี่ปลอดภัยเชิงป้องกันอุบัติเหตุ
  2. ตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบของผู้ขับขี่ต่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
  3. ทราบกฎหมายจราจรที่สำคัญและมารยาทบนท้องถนน
  4. เรียนรู้เทคนิคการขับขี่เชิงป้องกัน การเว้นระยะห่าง และการคาดการณ์สถานการณ์
  5. ปฏิบัติได้ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และสามารถตรวจสอบสภาพรถได้ตามหลัก BEWAGON

3. หัวข้อบรรยาย (Course Topics)

ลำดับ

หัวข้อบรรยาย

รายละเอียดเนื้อหา

ระยะเวลา

1

แนวคิดพื้นฐานการขับขี่ปลอดภัยเชิงป้องกัน (Defensive Driving)

- สถิติและสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ
- ปรัชญาการขับขี่เชิงป้องกัน
- ความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม และองค์กร

1.0 ชม.

2

ปัจจัยมนุษย์: ทัศนคติ ความพร้อม และพฤติกรรม

- การประเมินความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ
- อันตรายจากยาเสพติดและแอลกอฮอล์
- การสร้างวินัยและทัศนคติด้านความปลอดภัย

1.0 ชม.

3

กฎหมายจราจรที่สำคัญและมารยาทการขับขี่

- กฎหมายว่าด้วยรถยนต์และจราจรทางบกที่เกี่ยวข้อง
- การให้สิทธิ์ทางและมารยาทบนท้องถนน
- การใช้สัญญาณไฟและช่องทางจราจรอย่างถูกต้อง

1.0 ชม.

4

เทคนิคการขับรถปลอดภัยเชิงป้องกันอุบัติเหตุ

4.1 5 กฎการขับรถปลอดภัยเชิงป้องกันอุบัติเหตุ
1) มองไกลไปข้างหน้า
2) มองโดยรอบ
3) มองเคลื่อนไหวสายตา
4) ปฏิบัติเพื่อหาพื้นที่ว่าง
5) ปฏิบัติเพื่อการสื่อสาร

4.2 การเว้นระยะห่างรถคันหน้า – หลัก 2 วินาที / 4 วินาที
4.3 จุดบอดที่เกิดจากความประมาท (Blind Spots)

1.0 ชม.

5

เทคนิคการขับรถในสถานการณ์ต่าง ๆ และสถานการณ์ฉุกเฉิน

5.1 การขับในสภาพไม่ปกติ
1) ฝนตกหนัก / หลังฝนหยุดตก
2) กลางคืน / หมอก / น้ำท่วม
3) ถนนลูกรัง / ทางลาดชัน / ลื่น
4) ลมแรง / พายุฝน / กลุ่มควันไฟ
5) การถอยหลังในทางตรง

5.2 การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
1) เบรกแตก / เบรกค้าง
2) รถตกน้ำ / รถลื่นไถล / หมุน
3) ยางแบน / ยางระเบิด / กระจกแตก

1.5 ชม.

6

การตรวจเช็กรถก่อนใช้งาน (BEWAGON)

B – Brake & Clutch ระบบเบรกและคลัตช์
E – Electricity ระบบไฟฟ้า
W – Water ระบบหล่อเย็น
A – Air ยางและแรงดันลมยาง
G – Gasoline น้ำมันเชื้อเพลิง / น้ำมันหล่อลื่น
O – Oil น้ำมันเครื่อง
N – Nuts & Bolts ตรวจสอบความแน่นของน็อตและชิ้นส่วนต่าง ๆ

กิจกรรม: การตรวจเช็กรถจริงโดยใช้ Google Form Checklist

0.5 ชม.

รวมเวลา

6.0 ชม.

4. รูปแบบการอบรม (Training Format)

  • ลักษณะการอบรม: ภาคทฤษฎีแบบบรรยายและมีส่วนร่วม (Lecture & Participative)
  • วิธีการอบรม:
    • บรรยายโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสื่อประกอบ PowerPoint และวีดิทัศน์
    • กรณีศึกษา (Case Study) วิเคราะห์อุบัติเหตุจริง
    • กิจกรรมกลุ่มและระดมสมอง
    • แบบทดสอบก่อน–หลังอบรม (Pre/Post Test)
    • กิจกรรมตรวจเช็กรถ BEWAGON ผ่าน Google Form
  • สื่อการเรียนรู้:
    • คู่มืออบรมผู้ขับขี่
    • วีดิทัศน์สาธิตการขับขี่ปลอดภัย
    • อุปกรณ์สาธิต เช่น แว่นจำลองอาการมึนเมา / จุดบอดสายตา
    • แบบฟอร์ม BEWAGON (Google Form QR Code)
  • การประเมินผล:
    • แบบทดสอบภาคทฤษฎี (Quiz/Test)
    • การประเมินพฤติกรรมและการมีส่วนร่วมระหว่างอบรม

 

Visitors: 636,518