เทคนิคการขับรถในสถานการณ์ต่างๆ
เทคนิคการขับรถในสถานการณ์ต่าง ๆ
1 การแก้ไขสถานการณ์ไม่ปกติ
1) การขับรถขณะฝนตกหนัก
2) การขับขี่รถหลังฝนหยุดตก
3) การขับรถเวลากลางคืน
4) การขับรถเมื่อมีสัญญาณน้ำป่าไหลบ่าถนน
5) การขับรถบนถนนที่มีสภาพเป็นดินหรือลูกรัง
6) การขับรถที่ต้องเผชิญกับลมแรงจัด
7) การขับรถฝ่าพายุฝนและกลุ่มควันไฟ
8) การขับรถในช่วงฤดูหนาว มีหมอกลงจัด
9) การขับรถในช่วงน้ำท่วมขัง
10) การขับรถถอยหลังในทางตรง
การขับรถขณะฝนตกหนัก: ปฏิบัติการอย่างปลอดภัยเมื่อถนนเปียกน้ำ
การขับรถตอนฝนตกหนัก ไม่ใช่แค่เรื่องของน้ำบนถนน แต่ยังเป็นเรื่องของ "ชีวิต" บนถนนเช่นกัน เพราะการมองเห็นลดลง การเบรกยาวขึ้น และการควบคุมรถก็ยากขึ้นอย่างชัดเจน!
แนวปฏิบัติสำคัญในการขับรถช่วงฝนตกหนัก
1. เปิดไฟหน้าแต่ไม่เปิดไฟฉุกเฉิน
เปิดไฟหน้าช่วยให้รถคุณ “มองเห็นได้ง่ายขึ้น”
ห้ามเปิดไฟฉุกเฉินขณะขับ เพราะทำให้ผู้ขับคนอื่นสับสนว่า "รถเสีย" หรือ "จอดอยู่"
2. ขับช้าลงทันที อย่าฝืนความเร็ว
น้ำที่ขังบนถนนทำให้รถลื่นง่ายมาก
การลดความเร็วจะเพิ่มโอกาสในการควบคุมรถ และเบรกได้ทัน
3. เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า
ระยะเบรกจะเพิ่มขึ้นถึง 2–3 เท่า บนถนนเปียก
คำแนะนำ: เว้นห่าง 2–4 วินาทีจากรถคันหน้า หรือมากกว่านั้นหากฝนตกหนักมาก
4. ระวัง “อาการเหินน้ำ” (Hydroplaning)
เมื่อยางไม่สัมผัสพื้นถนน รถจะลอยอยู่บนน้ำบาง ๆ → ควบคุมไม่ได้!
วิธีป้องกัน: ลดความเร็ว, ไม่หมุนพวงมาลัยแรง และอย่าเบรกกระทันหัน
5. ใช้ที่ปัดน้ำฝนและไล่ฝ้าให้พร้อม
เช็กว่าใบปัดน้ำฝนทำงานได้ดี ไม่มีเสียงฝืด
เปิดพัดลมไล่ฝ้าหรือแอร์เบา ๆ เพื่อลดความขุ่นของกระจก
6. หลีกเลี่ยงจุดน้ำท่วม หรือทางต่ำ
บ่อพักน้ำ, อุโมงค์, ทางใต้สะพาน → เป็นจุดที่น้ำท่วมง่าย
น้ำสูงเพียง “ครึ่งล้อ” ก็สามารถพารถดับหรือลอยได้แล้ว
7. หยุดใช้มือถือ หยุดเล่นเครื่องเสียง
เพิ่มสมาธิ 100% กับถนน ไม่ควรมีสิ่งใดมารบกวน
8. พกอุปกรณ์ฉุกเฉิน
เช่น ไฟฉาย, เสื้อกันฝน, สายพ่วงแบต, เบอร์ฉุกเฉิน และขวดน้ำดื่ม
โดยเฉพาะหากขับรถทางไกลหรือพื้นที่ชนบท
อุปมา: ขับรถขณะฝนตกหนักก็เหมือนพายเรือในแม่น้ำเชี่ยว… หากใจร้อน ขาดสติ หรือลืมอุปกรณ์ช่วยชีวิต โอกาสรอดจะลดลงทันที
หากคุณต้องเดินทางในช่วงฝนตกหนัก ทางเลือกที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่แค่ “ขับช้า”... แต่อาจต้อง “หยุดรอสถานการณ์คลี่คลาย” เพราะ ปลอดภัยไว้ก่อนคือกำไรของชีวิต
