มาดูความหมาย หยุด เรียก รอ

“หยุด เรียก รอ” คืออะไร



“หยุด เรียก รอ”  เขาใช้กันอย่างไร รู้กันหรือยัง??

 

 



       ใครที่ทำงานในบริษัทญี่ปุ่นคงจะรู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะน้องๆ ที่ทำงานหน้างานจะได้รับอบรมขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง และที่ขาดไม่ได้คือการจัดการเมื่อเกิดความผิดปกติซึ่งมีหลักการปฏิบัติ คือ “หยุด เรียก รอ” 


วันนี้เรามาเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับหลักการนี้กันดีกว่า


       เมื่อเกิดความผิดปกติเราต้องทำอะไร.....
ในการทำงานในแต่ละวันถึงแม้เราจะทำถูกตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่ก็อาจจะมีบางครั้งที่เครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงานเกิดปัญหาหรือชำรุดเสียหายทำให้เราไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ
ถ้าในระหว่างที่เราปฏิบัติงานเกิดความผิดปกติกับเครื่องจักรที่เราใช้อยู่ ลำดับแรกเราจะต้องทำการ  “หยุด” ปฏิบัติงานหรือบางกรณีอาจจะต้องมีการกดปุ่มหยุดฉุกเฉิน( Emergency Stop) จากนั้นเราก็ทำการ “เรียก”  ในที่นี้หมายถึงการเรียกหัวหน้างานหรือผู้รับผิดชอบดูแลเครื่องจักรที่มีปัญหาอยู่ ซึ่งขึ้นอยู่กับ Route การสื่อสารของแต่ละองค์กร เมื่อเราเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล้วเราก็มีหน้าที่ “รอ” รอจนกระทั่งความผิดปกติดังกล่าวได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงกลับมาเริ่มทำงานต่อ  ทีนี้เรามาดูภาษาญี่ปุ่นกันบ้างดีกว่าว่าเขาพูดกันอย่างไร….

  • หยุด   STOP   止とめる   tomeru  โทะเมะรุ
  • เรียก   CALL   呼よぶ      yobu     โยะบุ 
  • รอ     WAIT   待まつ     matsu    มะสึ



 
เป็นหลักการพื้นฐานที่เราต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดนะคะ เพราะถ้าเราเพิกเฉยต่อความผิดปกตินั้นๆ อาจจะส่งผลกระทบมากมายตามมาก็ได้  เช่น งานที่เราผลิตออกมาตอนที่เครื่องจักรเกิดความผิดปกติเป็นของเสียทั้งหมดหรือที่เราเรียกว่างาน NG นั่นเอง ทำให้บริษัทสูญเสียผลกำไรที่ควรจะได้ และอาจจะส่งผลต่อการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าไม่ได้ตามกำหนดเวลา ส่งผลต่อโบนัสปลายปี และปัญหาอื่นๆ อีกมากมายเป็นลูกโซ่เลยก็ได้
       ดังนั้น สิ่งที่บริษัทกำหนดก็ขอให้ทุกคนปฏิบติตามกันอย่างจริงจังด้วยนะคะ เพราะสิ่งที่กำหนดขึ้นมานั้นล้วนแล้วมีที่มาและมีเหตุผลในตัวของมัน คงไม่ได้กำหนดมาอย่างลอยๆ โดยไม่มีที่มาอย่างแน่นอนค่ะ



แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า จะเอาเรื่องอะไรมาเขียนอย่าลืมติดตามกันนะคะ....
 ....................................................


เขียนโดย Home-made Smile Video ที่ 2.7.58 

Visitors: 569,491