การสร้างความสุขในการทํางาน(HappyWorkplace)ด้วยการบริหารตนเอง

โดย: Noi2527 [IP: 61.91.85.xxx]
เมื่อ: 2015-06-04 09:20:40
การสร้างความสุขในการทํางาน(HappyWorkplace)ด้วยการบริหารตนเอง





เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแนวโน้มของการทํางานของในภาครัฐและภาคเอกชนของทุกหน่วยงานย่อมเกิดภาวะที่เจอกับมรสุมที่เป็นปัจจัยภายนอกมากระทบ เช่น การประสบ ปัญหาภาวะน้ำมันแพง ปัญหาของภัยธรรมชาติและปัจจัยทางด้านการเมืองที่ผลกระทบต่อประชาชนคนไทยซึ่งส่งผลให้มากระทบถึงการเมืองภายในบริษัท ด้วยเช่นกันผลกระทบ ังกล่าวย่อมส่งผลให้เกิดความเครียดในการทํางานได้เช่นกันปัจจัยที่พุ่งเป้ามาที่ผู้บริหาร เป็นอันดับแรกว่าจะนําพาองค์การให้มีความอยู่รอดอย่างไร จากปัญหาสภาวะน้ำมันแพง คําตอบคงไม่พ้น2วิธีคือการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นกับการลดค่าใช้จ่ายต่างๆลงเพื่อให้ องค์การมีความอยู่รอดได้



ผู้บริหารก็ได้วางกลยุทธ์เพื่อให้องค์การผ่านพ้นกับวิกฤติที่เกิดขึ้นโดยการใช้เครื่องมือที่เป็นที่ยอมรับของการบริหารจัดการเข้ามาใช้เช่น BSC Competency TQM และ CRM ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวข้างต้นย่อมมีวีธีการ ระบบและตัวชี้วัดที่แตกต่างกันออกไปจากที่พนักงานเคยอยู่กันแบบสุขสบายโดยไม่ต้องมีใครมาคอยกํากับดูแล ตรวจสอบข้อมูลเป็นประจําทุกเดือนทุกไตรมาส เมื่อผู้บริหารได้นําเครื่องมือต่างๆมาใช้แต่ไม่ได้ศึกษาความพร้อมของคนไทยที่เคยสุขสบายมาก่อนว่าจะยอมรับเครื่องมือนั้น ได้หรือไม่จึงทําให้เครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในเมื่องไทยไม่ค่อยประสบความสําเร็จเท่าไรนักมักจะถูกต่อต้านจากพนักงานหรือไม่ก็ทําให้พนักงานที่เป็นคนเก่ง (Talent) ขององค์การได้เดินออกจากบริษัทเพราะว่าระบบที่นํามาใช้ไม่มีความยุติธรรมพอมีแต่เอื้ออํานวยให้กับพวกพ้องซึ่งเป็นคนหมู่มากในองค์การเป็นผู้กุมอํานาจเชิงบริหารเสียเอง ค่านิยมที่ดีๆเริ่มเปลี่ยนไปคนที่ทํางานหนักมักไม่ได้ถูกเหลียวแลจากผู้บริหารเพราะว่าผู้บริหารที่ถูกแต่งตั้งมาจากคนที่ไม่ได้ ทํางานอย่างแท้จริงมองระบบไม่ออกถ้าคนไหน ทํางานเกินหน้าเกินตาหน่อยก็จะถูกเพ่งเล็งจากผู้บริหารที่มีคนใกล้ชิดคอยให้ข้อมูลที่ผิดๆอยู่ตลอดเวลา ถ้าผู้บริหารที่ฟังความข้างเดียวหรือฟังจากคนเหล่านี้ทุกวันก็อาจจะมีสิทธิ เอนเอียงมายังผู้ที่ให้ข้อมูล ซึ่งจะทําให้ตัดสินใจในการบริหารคนที่ผิดพลาดได้เช่นกัน



สําหรับผู้เขียนมีความเห็นว่าการนําเครื่องมือที่ดีๆมาใช้ในช่วงแรกเมื่อระบบยังไม่เข้าที่และยังไม่ลงตัวไม่สามารถให้โทษแก่ผู้กระทําความผิดได้ การบริหารคน ควรจะเน้นให้รักษาคนดีเอาไว้ก่อนเพื่อเป็นการสร้างขวัญกําลังให้กับพนักงานที่ทําดีเอาไว้ในองค์การ จะเห็นได้ว่าที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อพนักงาน ถ้าจะนับรวมถึงปัจจัยภายในเข้ามาอีกซึ่งจะทําให้เกิดแรงกดดันในการทํางานเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณในวิธีการแก้ไขในเบื้องต้นเราคงไปแก้ที่ปัจจัยทั้งสองปัจจัยไม่ได้ต้องใช้ ระยะเวลาในการดําเนินการแก้ใขสิ่งที่ทําได้ในทันทีไม่ต้องใช้พละกําลังเวลาและอุปกรณ์เลยก็คือการแก้ไขปรับปรุงที่ตัวเราเองก่อนซึ่งจะขอนําเสนอการสร้างความสุขในการทํางาน โดยการบริหารตนเองเพื่อไม่ให้เกิดความเเครียดดังต่อไปนี้



1. การแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี การทํางานย่อมมีปัญหาเป็นธรรมดาอย่าแก้ปัญหาโดยการใช้อารมณ์จะทําให้เครียดมากขึ้นควรเริ่มต้นแก้ปัญหาที่สาเหตุเรียนรู้ที่จะ แก้ปัญหาอย่างเหมาะสมเพราะเมื่อแก้ปัญหาได้ก็จะสบายใจหายเครียด



2. การบริหารเวลาอย่างเหมาะสม จะช่วยให้การทํางานอย่างมี ประสิทธิภาพมีเวลาเหลือสําหรับการพักผ่อนและครอบครัวทําให้เครียด น้อยลง ควรทบทวนดูว่า ใช้เวลาแต่ละวันไปกับเรื่องใดบ้างเพื่อการจัดแบ่งเวลาให้เหมาะสมทั้งการทํางานสังสรรค์ครอบครัวและการพักผ่อน ลองสังเกตเพื่อนร่วมงานที่บริหารเวลาได้ดีและลองทําตามดูอาจช่วยในการ ริหารเวลาของตนเองได้



3. การปรับเปลี่ยนความคิด ส่วนหนึ่งมาจากความคิดของคนเรา นั่นเองถ้าเรารู้จักปรับเปลี่ยนความคิดในแง่มุมใหม่จะช่วยให้เครียดน้อยลงถ้ารู้สึกตัวเองคิดมาก หาทางออกไม่ได้ควรหยุดคิดสักพัก คิดให้ยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิมคิดอย่างมีเหตุผลคิดอย่างที่คนอื่นคิดและคิดถึงคนอื่นบ้าง



4.การพักผ่อนหย่อนใจ หลังเลิกงานแล้วควรได้พักผ่อนหย่อนใจบ้างเพื่อผ่อนคลายจิตใจทําให้พร้อมที่จะกลับไปทํางานอย่างมีประสิทธิภาพกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ มีอยู่มากมายควรเลือกตรงข้ามกับงานประจําเช่นงานประจํานั่งโต?ะทั้งวันยามว่างควรทํากิจกรรมกลางแจ้งเคลื่อนไหวร่างกายหรืองานประจําเป็นผู้ให้บริการยามว่างควรให้ผู้อื่น บริการเราบ้าง



5. การรู้จักยืนยันสิทธิของตน ความเครียดอาจเกิดจากการยอมอ่อนข้อ เกรงใจผู้อื่นมากเกินไปรู้จักยืนยันสิทธิของตนเองบ้างจะทําให้เป็นตัวของตัวเองและ เป็นเกรงใจต่อผู้อื่น สิทธิที่ควรรักษาคือสิทธิที่จะปฏิเสธอย่างมีเหตุผลสิทธิที่จะทํางานด่วนของตนให้เสร็จก่อนสิทธิที่จะไต่ถามเพราะความไม่เข้าใจสิทธิเปลี่ยนใจเมื่อได้ข้อมูลใหม่



6. การสร้างเข้มแข็งทางจิตใจ จิตเป็นนายกายเป็นบ่าวจิตใจที่ เข้มแข็งจะช่วยให้เอาชนะความเครียดได้ การสร้างเข้มแข็งทางจิตใจโดยสร้างความเชื่อมั่น ให้ตนเองพัฒนาปรับปรุงตัวเอง เข้าใจชีวิตว่าไม่มีอะไรแน่นอนไม่ยึดติดกับอดีตหรือกังวลกับอนาคตมากเกินไป อย่างลืมสร้างความอบอุ่นในครอบครัวเพราะครอบครัวเป็นกําลังใจ ที่สําคัญในการต่อสู้กับอุปสรรค



7. การสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน การที่ผู้ร่วมงานมี ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันร่วมมือกันในการทํางานจะทําให้เกิดความอบอุ่น มีกําลังใจและสนุกสนานกับงานมากกว่าการทํางานโดยลําพัง การสร้าง ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงานสามารถทําได้โดยเอาใจเขามาใส่ใจเราอยู่ เสมอ



8. การแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสม การเก็บอารมณ์ที่ไม่ดีเอาไว้และการแสดงอารมณ์ที่ไม่เหมาะสมทําให้เกิดความเครียด ควรฝึกควบคุมอารมณ์คิดก่อนทํา ทําอย่างเหมาะสมจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลังเมื่ออารมณ์ดีควรแสดงออกด้วยการยิ้มพูดเล่นฮัมเพลงเพื่อให้คน ใกล้ชิดรู้สึกดีด้วย อย่างพูดหรือทําอะไรลงไปหลบจากสถานการณ์ และหายใจลึกๆไตร่ตรองผลที่จะตามมาจะทําให้มีสติเครียดน้อยลง



9. การออกกําลังกาย เมื่อรู้สึกเครียดจากการทํางานการออกกําลังกายจนเหนื่อยและเหงื่อออกจะช่วยคลายเครียดได้ หลังเลิกงานหรือในวันหยุดควรออกกําลังกาย หรือเหล่นกีฬากับกลุ่มเพื่อนจะรู้สึกสนุกสนานและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น การช่วยกันทํางานบ้านในวันหยุดก็ถือว่าเป็นการออกกําลังกายที่ดีและช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว



10.การพูดอย่างสร้างสรรค์ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทํางาน สวัสดี ขอโทษ ขอบคุณเป็นประโยคที่ควรพูดติดปากแสดงถึงการมีมรรยาทและเป็นเสน่ห์แก่ผู้พูด หมั่นพูดชมเชยไต่ถามทุกข์สุขให้กําลังใจประสานความเข้าใจเพื่อลดความขัดแย้งในการทํางานจะช่วยตัดปัญหาลดความเครียด

ที่มา: กฤติน กุลเพ็ง (ประสบการณ์ 20 ปี ทางการบริหารทรัพยากร) (2011-03-24)

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 569,147