สอนงานคนอื่นเพื่อพัฒนาตัวคุณเอง

สอนงานคนอื่นเพื่อพัฒนาตัวคุณเอง
สวัสดีครับ ไว้ใช้การอบรมเรื่อง HORENSO    

     ปีเตอร์ ดรักเกอร์ บิดาแห่งการจัดการสมัยใหม่เคยกล่าวไว้ว่า "การสอนคนอื่นคือการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"
เวลาสอนงานคนอื่น ถึงแม้จะเป็นงานที่คุณทำอยู่ทุกวัน คุณก็ต้องอธิบายแต่ละขั้นตอนในการทำงานนั้น ๆ ให้เขาฟัง
     ในขณะที่อธิบาย คุณต้องใช้กระบวนการวิเคราะห์ตามหลักเหตุผลแล้วนำมาประกอบกันเพื่อให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายขึ้น กระบวนการแบบนี้จะช่วยให้ตัวคุณเองเข้าใจขั้นตอนในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น บางครั้งยังอาจทำให้มองเห็นส่วนที่ยังบกพร่องแล้วลงมือแก้ไขได้ทัน
ตัวผมเองก็มีประสบการณ์ในเรื่องนี้
    สมัยผมเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย ผมได้ให้คำแนะแก่รุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ พอเรียนจบก็ได้ทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝึกอบรม ผมรู้สึกว่าประสบการณ์เหล่านั้นเป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง


    เพราะสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ส่งผลต่อการแข่งขันกีฬาและการทำงานของผมในเวลาต่อมา


    ยิ่งไปกว่านั้น การสอนคนอื่นหมายถึงการพัฒนาความสามารถของคนรอบตัวคุณ ทีมจึงทำผลงานได้ดีขึ้น เมื่อผลงานของทีมอยู่ในระดับสูง คุณซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งในทีมก็จะได้ทำงานในระดับที่สูงขึ้นไปด้วย


    กล่าวคือการสอนงานคนอื่นดูเหมือนเป็นการทำเพื่อเพื่อร่วมทีม แต่จริง ๆ แล้วมันจะส่งผลดีย้อนกลับมาหาตัวคุณเอง
มีคำกล่าวว่า "ความเห็นอกเห็นใจไม่ได้มีไว้เพื่อคนอื่น" การสอนงานคนอื่นก็เช่นเดียวกัน มันอาจดูเหมือนเป็นการทำเพื่อคนอื่น แต่จริงๆ แล้วเป็นการทำเพื่อตัวคุณเองต่างหาก

ข้อมูลดีดีจาก หนังสือ เปลี่ยนวิธีทำงานแค่ 1% คุณก็แซงหน้าคน 99 % ได้แล้ว ของท่าน โคโนะ เอตาโร่ เขียน

กล้าที่จะมอบหมายงาน

ตอนที่ลูกผมยังเล็กผมได้วางแผนวิธีการรับมือเวลาที่ลูกหกล้มไว้ก่อนแล้ว

อันดับแรกคือผมจะดู  ถ้าล้มจากนั้น ดูความปลอดภัยโดยรวม ถ้าดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร   ผมก็จะอยู่เฉยๆ

ผมจะไม่วิ่งเข้าไปอุ้มลูกโดยเด็ดขาดแน่นอนว่า ผมก็เหมือนคุณพ่อหลายคน ที่วินาทีที่เห็นลูกผมแขนขาของเขาหกล้ม ขยับไปหาลูกโดยอัตโนมัติ แต่ผมก็พยายามทำใจแข็งไม่เข้าไปหาลูก

พอทำแบบนั้นไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่เจ็บจริง ๆ ลูกจะไม่ร้องไห้หรือร้องขอความช่วยเหลือ  แต่จะลุกขึ้นมาเองเรากลับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเล่นต่อไป (แล้วก็หกล้มอีก)

หัวหน้าทีมก็เช่นเดียวกัน

สาเหตุที่ทำให้องค์กรหยุดชะงักมามีมากมาย  ถ้าหัวหน้าทีมเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการกับลูกทีมมากเกินไป  ทีมจะทำผลงานได้ไม่ดี

องค์กรหยุดชะงักมีสาเหตุมาจากหัวหน้าทีมและลูกทีม ถ้าหัวหน้าทีมเข้าไปยุ่งวุ่นวายทุกเรื่อง ลูกทีมจะไม่มีโอกาสเติบโต มิหนำซ้ำพวกเขาจะติดนิสัยขอความช่วยเหลือไปเสียทุกเรื่อง นอกจากนี้ข้อกำจัดเรื่องเวลาและขีดความสามารถที่หัวหน้าทีมเป็นผู้กำหนดจะทำให้ลูกทีมดำเนินงานไม่คล่องตัว

สำหรับอดีตลูกทีมคนเก่งที่พึ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีม  ครั้งแรกต้องระวังไม่แปลกที่หัวหินถ้าเกิดว่าผมของการเป็นคนเจ้ากี้เจ้ากลางเอาไว้ให้ดี

ไม่แปลกที่หัวหน้าทีมจะรู้สึกว่า ทนดูไม่ไหวแล้วหรือทำเองจะเร็วกว่า แต่ถ้ามอบหมายงานให้ลูกทีมไปแล้วก็ต้องไว้ใจพวกเขาทำงานจนเสร็จ

เราทุกคนเติบโตขึ้นมาได้ ก็เพราะคนที่มีเฝ้าดู เราอยากเป็นกังวล โดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือซะทุกเรื่อง

 

 

Visitors: 570,226