เข็มขัดพยุงหลัง (Back support) คืออะไร จำเป็นมากน้อยแค่ไหน ????

เข็มขัดพยุงหลัง (Back support) คืออะไร จำเป็นมากน้อยแค่ไหน ????

            หลายท่านอาจสงสัย  ว่าเข็มขัดพยุงหลังคืออะไร  มีความจำเป็นในการใช้มากน้อยแค่ไหน  อยากรู้กันแล้วใช่มั๊ยหละครับ  งั้นมาอ่านบทความนี้กันเถอะครับ ^ ^

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการยกเคลื่อนย้ายของหนัก
ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการยกเคลื่อนย้ายของหนักแล้ว นั่นก็คือกฎกระทรวงกำหนดอัตราน้ำหนักที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานได้ พ.ศ.2547 ที่อาศัยตาม พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2543 ได้กำหนดให้ลูกจ้างทำงานยก แบก หาม หาบ ทูน ลาก หรือเข็นของหนักไม่เกินอัตราน้ำหนักต่อลูกจ้างหนึ่งคน ดังต่อไปนี้
(1) เด็กผู้หญิง อายุตั้งแต่ 15 ปี แต่ยังไม่ถึง 18 ปี ไม่เกิน 20 kg
(2) เด็กผู้ชาย อายุตั้งแต่ 15 ปี แต่ยังไม่ถึง 18 ปี ไม่เกิน 25 kg
(3) ลูกจ้างหญิง ไม่เกิน 25 kg
(4) ลูกจ้างชาย ไม่เกิน 55kg
1. สาเหตุของการปวดหลังจากการทำงาน
ดูรายละเอียดได้จากเว็บบอร์ด “อาการปวดหลังกับชีวิตประจำวัน”
http://board.postjung.com/649733.html

2. ข้อเสนอแนะการใช้เข็มขัดพยุงหลัง
นับวันพนักงานในสถานประกอบกิจการยิ่งมีความนิยมนำมาสวมใส่เสมือนเป็นอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลเช่นเดียวกับหมวกหรือรองเท้านิรภัยที่ใช้ในขณะทำงานมากขึ้นทุกที


แท้ที่จริงแล้วเข็มขัดพยุงหลังมีประโยชน์ในพนักงานที่ได้รับบาดเจ็บและกำลังฟื้นฟูสมรรถภาพเพื่อกลับเข้าทำงานเดิม การใส่จะมีประโยชน์มากในช่วงแรกเพื่อลดอาการเจ็บ แต่ควรจะใช้ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น!!!!
การที่คิดว่าการใส่เข็มขัดพยุงหลังแล้วจะป้องกันอาการปวดหลังได้นั้นเป็นความคิดที่ผิด เพราะการป้องกันอาการปวดหลังจากการทำงานต้องอาศัยการจัดสภาพการทำงานให้เหมาะสม น้ำหนักของวัตถุที่จะยกไม่หนักเกินกำลัง เมื่อใดที่ยกของหนักเกินกำลังของตนเอง และต้องบิดตัวขณะยก ไม่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่เข็มขัดพยุงหลังก็จะมีโอกาสปวดหลังได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น พนักงานที่ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือปวดหลังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่เข็มขัดพยุงหลัง ซึ่งนอกจากสิ้นเปลืองแล้ว ก็ยังมีผลต่อสุขภาพร่างกายดังต่อไปนี้
(1)กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวทำงานลดลง


เข็มขัดพยุงหลังในทางการแพทย์จะใช้พยุงหลังบรรเทาอาการปวด ในกรณีที่กระดูกสันหลังเคลื่อนหรือหลังผ่าตัดหลัง เพื่อช่วยทำงานแทนกล้ามเนื้อหลังที่อ่อนแอไปหลังจากการผ่าตัด และทำให้การซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บเร็วขึ้น เพราะกล้ามเนื้อทำงานน้อยลง แต่การใส่ระยะยาวจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวทำงานลดลง
มีการศึกษาในหลายประเทศ พบว่า อัตราการบาดเจ็บหรือปวดหลังระหว่างพนักงานที่ใส่เข็มขัดพยุงหลังกับพนักงานที่ไม่ใส่ มีอัตราที่ไม่แตกต่างกัน แต่พนักงานที่ใส่เข็มขัดพยุงหลังมีการบาดเจ็บที่รุนแรงมากกว่า เนื่องจากพนักงานที่ใส่เข็มขัดพยุงหลังจะรู้สึกมั่นใจมากเมื่อยกของหนัก คิดว่าตนเองมีความปลอดภัยแล้ว ความมั่นใจนี้จะมีผลเสียทำให้ยกของหนักโดยไม่ระมัดระวังเท่ากับในขณะที่ไม่ได้ใส่เข็มขัดพยุงหลัง

(2)เกิดไส้เลื่อน ริดสีดวงทวาร เส้นเลือดขอด และความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
ได้มีการศึกษาโดยการตรวจวัดความดันโลหิตของพนักงานที่ใส่เข็มขัดพยุงหลังในขณะยกของหนัก นั่ง และทำงานเบา พบว่า การใส่เข็มขัดพยุงหลังทำให้ความดันเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งอธิบายได้ว่า การใส่เข็มขัดพยุงหลังจะมีความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น ปริมาณเลือดที่ไหลกลับเข้าสู่หัวใจเร็วขึ้น ทำให้ความดันเลือดเพิ่มขึ้น ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้วก็จะสูงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผลระยะยาวจากการใส่เข็มขัดพยุงหลังที่ทำให้ความดันในช่องท้องสูงนาน ๆ อาจทำให้เกิดไส้เลื่อน ริดสีดวงทวาร เส้นเลือดขอดที่ขาและถุงอัณฑะได้

3. การป้องกันอาการปวดหลัง
อาการปวดหลังนี้ แพทย์และนักกายภาพบำบัดเป็นเพียงผู้ช่วยให้อาการปวดทุเลา ซึ่งอาจกลับมาเป็นได้อีก แต่อาการปวดหลังสามารถป้องกันได้โดยการปฏิบัติดังนี้
(1) การยกของหนัก ท่าทางในการยกต้องทำให้ถูกวิธีโดยยืนให้ชิดสิ่งของที่จะยก ย่อเข่าให้หลังเป็นแนวตรง แขนแนบชิดลำตัว อย่ายกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากเกินไปและอย่ายกของด้วยความถี่ที่สูงเกินไป (ยกซ้ำกันหลายๆ ครั้ง)


(2) หลีกเลี่ยงการอยู่ในเท่าเดียวนาน ๆ โดยเฉพาะท่านั่ง

 


(3) การยืนทำงานนาน ๆ ควรมีที่พักเท้า
(4) อย่าให้น้ำหนักตัวมากเกินไป ซึ่งมีเกณฑ์มาตรฐานดังนี้
- เพศชาย : ส่วนสูง (cm) – 105 = น้ำหนัก ± 10 kg
- เพศหญิง : ส่วนสูง (cm) – 110 = น้ำหนัก ± 10 kg
เช่น เพศชาย สูง 170 cm น้ำหนักควรอยู่ระหว่าง 65 ± 10 kg (55 – 75 kg) เป็นต้น

(5) ออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องและหลังแข็งแรง เช่น การใช้วิธีนอนคว่ำ นำหมอนหมุนใต้ท้อง ค่อยๆ ยกศีรษะขึ้น ค้างไว้ 3-5 วินาที แล้วค่อยๆ ลดศีรษะลง โดยทำซ้ำ 5-10 ครั้ง เป็นต้น

(6) เมื่อมีอาการปวดหลัง อาจใช้กระเป๋าน้ำร้อนวางบริเวณที่ปวดนาน 20-30 นาที แต่ถ้ามีอาการปวดร้าวลงขา อาจเกิดจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ควรรีบไปปรึกษาแพทย์
สำหรับวิธีการยกของ การออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อ และรายละเอียดอื่น ๆ ท่านสามารถดูเพิ่มเติมได้จากหัวข้ออาการปวดหลังกับชีวิตประจำวันตาม link นี้เลยครับ http://board.postjung.com/649733.html


ผมหวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับการดูแลสุขภาพและปฏิบัติตนเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในบุคคลผู้ซึ่งมีอาการปวดหลังหรือกำลังใช้เข็มขัดพยุงหลังอยู่
หากพบว่ามีข้อผิดพลาดหรือข้อสงสัยประการใดก็สามารถโพสต์คำถามได้เลยนะครับ และผมจะรีบมาตอบให้เร็วที่สุด ขอบคุณครับ

Visitors: 568,686